เริ่มต้น 2023 กระโดดเข้าสู่ปีกระต่าย เราอยู่ตรงไหนของภาพการลงทุนกันนะ

  • Shares :

บทความ ณ วันที่ 23 มกราคม 2566

 

 

สวัสดีปีกระต่ายค่ะ ผ่านปี 2023 มาได้ 2 สัปดาห์ หากนักลงทุนท่านใดได้อ่านแนวโน้มการลงทุน หรือบทวิเคราะห์การลงทุนของค่ายต่างๆที่ทยอยออกมาเมื่อปลายปี คงจะรู้สึกสับสน ปนงงงวยระหว่างทิศทางการลงทุน กับผลตอบแทนของตลาดทุนในช่วงที่ผ่านมา เพราะช่างตรงข้ามกันซะเหลือเกิน  

 

ถ้าพูดถึงแนวโน้มเศรษฐกิจ และทิศทางการลงทุน ต้องบอกว่าหลายๆที่ มีมุมมองที่หมีมาก (bearish tone) ไม่ว่าจะเป็น

 

1.การการเติบโตทางเศรษฐกิจของหลายๆประเทศที่กำลังจะเข้าสู่ภาวะถดถอย อย่างทาง Krungsri Capital Securities เองมองว่า เศรษฐกิจของประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งสหรัฐฯ และยูโรโซน จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งจะกินระยะเวลายาวนานติดกันถึง 6 ไตรมาส แม้กรอบการหดตัวของเศรษฐกิจไม่ลึกเท่ากับช่วง Global financial crisis (GDP -4.5%) แต่ก็ถือว่ามีระยะเวลาที่นานพอควร

 

 

2. ภาวะเงินเฟ้อที่อาจจะอยู่ยาวนานกว่าที่หลายๆคนคิด ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางของหลายๆประเทศยังคงต้องใช้นโยบายทางการเงินที่เข้มงวด หรือคือการค้างดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับที่สูงต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงนั้นจะยิ่งเป็นการกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้ชะลอตัวลงไปอีก

 

 

3. ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ก็ยังเป็นประเด็นที่มองว่าพร้อมจะปะทุขึ้นมาได้ตลอดเวลา

 

ถึงแม้ทิศทางการลงทุนจะดูยังไม่สดใสนัก แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะดูเลวร้ายไปเสียทั้งหมด อย่างน้อยก็มีเรื่องที่ใจชื้นขึ้นมาบ้าง อย่างเรื่องการกลับมาเปิดระบบเศรษฐกิจของประเทศจีน ที่ทำให้การบริโภค และภาพการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวได้ แม้จะต้องแลกมากับจำนวนผู้ติดเชื้อที่อาจจะเพิมขึ้นในช่วงแรก แต่ในแง่ของเศรษฐกิจ การเปิด ก็ดีกว่าการปิดอยู่มากทีเดียว และหากมองถึงผลตอบแทนของตลาดหุ้นใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ดูจะสวนทางกับทิศทางการลงทุนพอควร อย่าง S&P 500 +4%, Stoxx600 +6%, CSI300 + 5%, HSCEI+10% แต่ละประเทศให้ผลตอบแทนสวนทางกับ แนวโน้มการลงทุนทั้งนั้น

 

คำถามของนักลงทุนตอนนี้คงจะคล้ายๆกัน คือ ฉันควร cut ตรงนี้ เพราะตลาดเด้งมาแล้ว หรือฉันควรถัวเพราะตลาดผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วกันแน่ ซึ่งเป็นคำถามที่ยากจะตอบได้อย่างแม่นยำจริงๆ แต่สิ่งทีพอจะช่วยได้อาจเป็นเรื่องของการกลับไปทบทวนพื้นฐานการลงทุนที่เราอาจจะลืมเลือนไปแล้ว นั่นก็คือ investment clock

 

 

จากรูปสิ่งที่ตอบได้ค่อนข้างจะแน่นอนก็คือ เราน่าจะอยู่ด้านขวาของนาฬิกา ซึ่งอาจจะเป็นจุดใดจุดหนึ่งระหว่าง เลข 2-4  คือระหว่างเศรษฐกิจชะลอตัวลง และกำลังจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย สินทรัพย์ที่ดูจะได้ประโยชน์ในช่วงนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นตราสารหนี้ โดยเฉพาะฝั่งสหรัฐฯ เนื่องจาก

 

  • อัตราผลตอบแทน หรือ Bond Yield ได้ปรับตัวขึ้นไปมากแล้ว จากช่วงก่อนหน้านี้ที่ FED ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างรวดเร็ว  ทำให้ตัวตราสารหนี้มีการจ่ายผลตอบแทนที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับอดีต

 

 

  • การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯใกล้จบใน Q1/23 แล้ว โดย Krungsri Capital Securities มองว่า FED จะขึ้นอีกเพียง 2 ครั้ง ครั้งละ 25 bps ในเดือน ก.พ. และ มี.ค. จบที่ระดับ 4.75%-5.00%

 

 

  • และปัจจุบัน Bond Yield เริ่มมีสัญญาณค่อยๆปรับตัวลง เนื่องจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยที่น่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ ทำให้นักลงทุนในตลาดเข้าไปซื้อตราสารหนี้เพื่อล็อคอัตราผลตอบแทนของตัวเอง แรงซื้อที่เข้ามาก็ช่วยกด Yield ให้ต่ำลงและส่งผลบวกกับราคาตราสารหนี้

 

สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้น Growth เยอะๆ แล้วรู้สึกอึดอัดอยากขายทิ้งให้ไม่รกหูรกตา ก็ต้องบอกว่าอาจจะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมเท่าใดนัก เพราะในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอยมากๆ การเติบโตหายากซะเหลือเกิน ก็มักเป็นโอกาสรอดของหุ้นที่มีความได้เปรียบด้านนวัตกรรม ซึ่งจุดที่เราอยู่ปัจจุบันค่อนข้างใกล้จังหวะดังกล่าวมากๆแล้ว โดย Krungsri Capital Securities มองว่าจากการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจที่จะถดถอยในปีนี้ น่าจะส่งผลให้ FED เริ่มลดดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้ คือ ประมาณ Sep 23 เป็นต้นไป ซึ่งก็จะหนุนภาพการลงทุนในหุ้น Growth อีกครั้งหนึ่งได้

 

โดยสรุป

  1. การเลือก keep investing ในช่วงเวลาที่ตลาดผันผวนถือเป็นทางเลือกที่ดี เพราะนักลงทุนหลายต่อหลายท่าน ทนต่อความผันผวนของตลาดไม่ไหว ขายออกไป และมักไม่กลับมาลงทุนอีกเลย ทำให้เมื่อ investment clock เดินไปข้างหน้า ก็จะพลาดโอกาสจากสินทรัพย์ที่ตนมีอยู่

  2. การจัดสัดส่วนการลงทุน (Asset Allocation) เป็นเรื่องจำเป็น การเพิ่มบางสินทรัพย์ หรือลดบางสินทรัพย์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การลงทุนเป็นเรื่องที่ช่วยเพิ่มโอกาสการลงทุน และลดความผันผวนของพอร์ตลงได้ ถ้าพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน การเพิ่มตราสารหนี้เข้าไปก็ดูเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ

 

ก่อนจากกันถ้าเพื่อนๆเริ่มสนใจกองทุนตราสารหนี้ขึ้นมา ลองมาฟัง Krungsri Capital FUND TALK ตอนนี้ดูนะคะ (แอบฝากร้านแบบเนียนๆ) แล้วพบกันใหม่นะคะ สวัสดีค่ะ

 

 


บทความน่าสนใจอื่นๆ